วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

CAS : บริการข่าวสารทันสมัย

CAS : Current Awareness Service

ความหมาย บริการสารสนเทศทันสมัย เป็นการบริการแจ้งให้ผู้ใช้ทราบถึงข้อสนเทศใหม่ๆตามความสนใจของผู้ใช้ทันทีที่สถาบันสารสนเทศได้รับทรัพยากรสารสนเทศ ในรูปแบบที่หลากหลาย จากสารสนเทศสิ่งพิมพ์ และ สารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์

CAS อาจเรียกอีกอย่างว่า Alerts, Selective Dissemination of Information service (SDI), Current alerting service, Individual article supply

ปรัชญาของการบริการ
เอกสารที่ต้องการ สำหรับบุคคลที่ใช่ ในเวลาที่ทัน
"The right book/document to the right person at the right time"

วัตถุประสงค์
  เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ให้ได้สารสนเทศที่ทันสมัยและตรงต่อความต้องการอย่างรวดเร็ว และเปิดโอกาสให้เข้าถึง เป็นการประหยัดเวลาของผู้ใช้

รูปแบบการบริการ CAS 
เดิม       :  การเวียนเอกสาร หรือจัดส่งโดยตรง

วิธีการเวียนเอกสารทำได้ 3 วิธี คือ
1. ส่งโดยตรงจากผู้ใช้ต่อๆกันไป และส่งกลับมายังสถาบันเมื่อผู้ใช้คนสุดท้ายใช้เสร็จแล้ว
2. แบ่งผู้ใช้ออกเป็นกลุ่มเล็กๆ ประมาณ 4-5 คน และส่งคืนสถาบันเมื่อใช้เสร็จแล้ว จากนั้นจะส่งไปยังกลุ่มอื่นต่อไป
3. จัดส่งโดยตรงไปยังผู้ใช้แต่ละคน โดยให้ผู้ส่งกลับมาที่สถาบันก่อนจะส่งให้ผู้ใช้คนถัดไป

ข้อดี : สามารถควบคุมการจัดส่งระหว่างผู้ใช้ตามระะเวลาที่กำหนดได้ เป็นการกระจายสารสนเทศไปสู่ผู้ใช้สารสนเทศที่แน่นอน และอยู่ห่างไกลไม่สามารถเดินทางมายังสถาบันได้สะดวก
ข้อเสีย : เป็นการเพิ่มภาระให้แก่ผู้ให้บริการ อีกทั้งเสี่ยงต่อการชำรุดเสียหายของเอกสาร อีกทั้งผู้ใช้คนสุดท้ายอาจได้รับข่าวสาร สารสนเทศที่ล้าสมัยแล้ว

ข้อควรปฏิบัติในการเวียนเอกสาร
1. ไม่ควรจัดบริการนี้แก่สมาชิกใหม่ จนกว่าจะแน่ในว่าต้องการจริงๆ
2. ไปเยี่ยมผู้ใช้เป็นครั้งคราวเพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้ส่งเอกสารเวียนเร็วขึ้น
3. จัดลำดับการส่งเอกสารสลับกันบ้าง เพื่อความเสมอภาค

แบบฟอร์มการเวียน
1. สถาบันบริการสารสนเทศขนาดเล็ก ผู้ใช้น้อยรายอาจจัดทำเป็นแผ่นเล็กๆลงข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อผู้ใช้และชื่อสถาบัน
2. สถาบันบริการสารสนเทศขนาดใหญ่ มีผู้ใช้บริการมาก อาจกำหนดให้มีรายละเอียดมากขึ้น เช่น ชื่อ ที่อยู่ของผู้ใช้ วันที่ที่ผู้ใช้ต้องได้รับเอกสาร วันที่ต้องส่งเอกสาร รวมถึงช่องหมายเหตุ

ปัจจุบัน :  เริ่มมีการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในการบริการ ผู้ค้าฐานข้อมูลเริ่มจัดทำบริการเสริมการใช้ฐานข้อมูล เช่น RSS News, Google Alert, e-Mail Alert เป็นต้น

การจัดแสดงทรัพยากรสารสนเทศใหม่
เป็นการนำทรัพยากรสารสนเทศที่ได้รับเข้ามาใหม่มาจัดแสดงในระยะเวลาที่เหมาะสม การจัดแสดงควรคำนึงถึง
1.สถานที่จัดแสดง ว่าเป็นสถานที่ที่ผู้คนผ่านไปมาหรือไม่ และทำการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ใช้
2.ประเภทของทรัพยากรสารสนเทศที่นำมาจัดแสดง ควรเลือเฉพาะรายการที่สำคัญของแต่ละสาขาวิชามาจัดแสดงเพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับสถานที่จัดแสดง
3.วิธีการจัดแสดง  จัดทรัพยากรสารสนเทศทุกประเภทไว้ในบริการเดียวกัน กรณีมีข้อจำกัดทางด้านพื้นที่จัด อาจแยกตามความเหมาะสม อีกทั้งควรแยกประเภทวารสารด้วย จะช่วยให้ประหยัดเวลาและสะดุดตา ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงสารสนเทศได้เร็วขึ้น
4.ระยะเวลาในการจัดแสดง ส่วนใหญ่ประมาณ 2 สัปดาห์ บางแห่งใช้วิธีทยอยออกมาแสดง บางแห่งก็จัดแสดงในคราวเดียว
5.การอนุญาตให้ใช้ในขณะจัดแสดง  สามารถยืมได้ แต่ผู้ใช้ที่มาทีหลังอาจไม่ได้เห็นสารสนเทศนั้นๆ
6.การดำเนินการทางเทคนิค พิจารณาว่าสารสนเทศรายการใดที่ควรนำจัดแสดงก่อนหรือหลังการดำเนินการทางเทคนิค

การจัดส่งบริการ CAS


1.สิ่งพิมพ์ (Print) เป็นวิธีที่ดีและนิยมแพร่หลาย ใช้ได้กับทุกองค์กร การจัดบริการขึ้นอยู่กับความถี่ในการขอใช้บริการ
ข้อดี    ใช้สีได้ สามารถบันทึกลงบนกระดาษได้ สามารถนำกลับมาดูใหม่ในวันหลัง หรืออาจนำเรื่องที่น่าสนใจมารวมไว้ เพื่อให้บริการ
ข้อเสีย สูญหายง่าย เปลืองพื้นที่ในการจัดเก็บ ถูกพับ ฉีกขาด ชำรุดง่าย รักษาความลับได้ยาก

2. โทรคมนาคม (Telecoms)
         Voice-mail
ข้อดี ผู้ใช้คุ้นเคยกับการสื่อสารด้วยคำพูด ซึ่งบางครั้งผู้รับชอบฟังมากกว่าอ่าน
ข้อเสีย ในทางตรงกันข้ามอาจรู้สึกรำคาน และหากขณะที่รับฟังมีผู้อื่นมาพูดแทรกอาจทำให้พลาดข้อมูลที่สำคัญ
            Mail
ข้อดี จัดส่งได้รวดเร็ว ราคาถูก ประหยัดพื้นที่ รักษาความลับได้
ข้อเสีย แฟ้มข้อมูลอาจเสียหายได้ หากเกิดความผิดพลาดทางเทคนิค การถูกรบกวนจากเครือข่าย เผลอลบข้อมูลทิ้ง ลืม password ไม่มีเวลาในการเช็คข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ เปลืองเนื้อที่ในหน่วยความจำ สำหรับข้อมูลบางอย่างที่ไม่จำเป็น

 เนื้อหาในการบริการ
หนังสือใหม่  วารสาร  การแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการประชุม สัมมนา นิทรรศการ การฝึกอบรม จัดส่งรายงานการประชุมหรือเอกสารการประชุมสัมมนา หรือโปรแกรมการประชุมมาให้ห้องสมุด อาจพิจารณาจัดทำแหล่งรวบรวมเอกสารเหล่านี้

วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

บริการหนังสือสำรอง (Reserve Service)


     หนังสือสำรอง ส่วนใหญ่ใช้ในห้องสมุดเท่านั้น  โดยให้บริการตามปกติที่เคาเตอร์ยืม-คืน  รวมถึงจำกัดระยะเวลาและจำนวนในการยืม

ทรัพยากรสารสนเทศที่ให้ยืม
1. ทรัพยากรสารสนเทศในห้องสมุด
2. ทรัพยากรสารสนเทศส่วนบุคคล เช่น ของอาจารยให้นักศึกษายืมอ่าน
3. ทรัพยากรสารสนเทศที่ไม่ใช่หนังสือ ได้แก่ ซีดี แบบทดสอบ ข้อสอบ (ต่างประเทศมีให้บริการนักศึกษา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการสอบ)
        นอกจากนี้ยังมีรูปภาพดิจิตอล  ซึ่งเป็นฉบับอิเล็กทรอนิกส์  สามารถนำมาอ่านได้  อาจเป็นภาพจากวารสารหรือทรัพยากรสารสนเทศอื่นๆ หากต้องการทำสำรอง ทางห้องสมุดสามารถทำให้ได้

ความสำคัญของบริการ
1. มีบทบาทในการสนับสนุนการเรียนการสอน
2. เปิดโอกาสให้บรรณรักษ์มีความสัมพันธ์อันดีกับผู้สอน
3. นักศึกษาทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกัน


งานที่ปฏิบัติ
1. รับใบขอใช้บริการ   ได้แก่  รับเอกสาร  จัดทำสำเนา  เข้าเล่มและจัดระเบียบเอกสาร
2. การทำบัตรยืม  ได้แก่ กำหนดระยะเวลาในการให้ยืม ให้บริการยืม-คืน เก็บค่าปรับ คืน-ย้ายเอกสารเก็บและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น


การจัดเก็บ
    ปัจจุบันใช้ระบบบาร์โค้ดหรือระบบอัตโนมัติ  โดยจัดเก็บตามหมายเลขกระบวนวิชา ชื่อผู้สอน  สำหรับเอกสารที่มีการสแกน มีการจัดเก็บไว้บน OPAC และแจ้งแหล่งจัดเก็บให้สามารถถ่ายโอนได้ทันที

การจัดการเอกสาร
1. โดยการประทับตรา "ใช้ภายในห้องสมุดเท่านั้น"
2. จัดทำบัตรยืมและมีคำแนะนำ เช่น ห้ามนำออกจากห้องสมุด ห้ามถ่ายเอกสาร
3. ใช้สีแตกต่างกันหากมีระยะเวลาในการให้ยืมต่างกัน
4. ใส่ชื่อผู้สอนตามกระบวนวิชา


ระยะเวลาในการยืม
1. สำหรับการยืมในห้องสมุด ระยะเวลาที่กำหนดคือ 2 ชั่วโมงเท่านั้น
2. ยืมออกนอกห้องสมุด 1-2 วันหรือเฉพาะนอกเวลาทำการเท่านั้น
3. โดยทั่วไประยะเวลาจะสั้นกว่าปกติและสามารถหมุนเวียนในหลุ่มผู้ใช้ได้อย่างทั่วถึง

การเข้าถึง
1. รายการหนังสือสำรองจะมีแจ้งในการค้น OPAC 
2. มีการทำรายการแจ้งแยกให้สามารถค้นหาทรัพยากรสารสนเทศประเภทสิ่งพิมพ์ได้
3. แจ้งผู้สอนถึงการจัดเก็บหรือวิธีการจัดเก็บ ให้ผู้สอนแจ้งนักศึกษาต่อ


ความสัมพันธ์กับผู้สอน
      พยายามติดต่อสื่อสารกับผู้สอนอย่างสม่ำเสมอ  และบรรณารักษ์ควรดำเนินการแจ้งให้มารับหรือประสานงานในรูปแบบการส่งคืนที่ต้องการ

การจัดเจ้าหน้าที่ / คุณสมบัติ
1. ปรับจำนวนผู้ใช้บริการตามจำนวนการเข้าใช้
2. มีทักษะในการสื่อสาร ประสานงาน
3. มีความเข้าใจในเรื่องกฎหมายลิขสิทธิ์

รูปแบบการจัดเก็บ
1. ชั้นปิด
2. ในกรณีที่หนังสือมีไม่มาก ก็จัดเก็บในบริเวณให้บริการยืม-คืน
3. จัดเก็บบริเวณใกล้เคียงกับบริการยืมคืน
4. ห้องแยกเฉพาะ

การจัดบริเวณบริการ
  ควรอยู่ในบริเวณที่ใกล้กับเคาเตอร์จ่ายรับ  สามารถมองเห็นได้ง่าย  และควรมีเครื่องถ่ายเอกสารในบริเวณใกล้เคียง

แนวโน้มการให้บริการในอนาคต
1. มีเอกสารดิจิตอลให้สามารถถ่ายโอนและมีการจัดทำรายการฉบับพิมพ์และบน OPAC
2. สามารถเข้าถึงได้ตอดเวลาและสถานที่
3. มีการป้องกันสิทธิ
4. คณาจารย์สามารถเสนอเอกสารบนเว็บเพจของตนเองได้


บริการสอนการใช้ (ต่อ)



การสอนการเรียนรู้สารสนเทศในสถาบันการศึกษา


1. การสอนเป็นรายวิชาอิสระ (Stand-Alone Course or Class) เป็นรายวิชาหนึ่งของหลักสูตรซึ่งอาจจะเป็นวิชาบังคับหรือวิชาเลือกขึ้นอยู่กับนโยบายของสถาบันการศึกษาแต่ละแห่ง


2. การสอนเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา (Course-Related Instruction) เป็นการสอนการเรียนรู้สารสนทเศที่ขสอดแทรกอยู่ในรายวิชาต่างๆ เพื่อช่วยให้ผู้เรียนรู้จักการสืบค้นสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับรายวิชานั้นๆ


3. การสอนแบบบูรณาการกับรายวิชาอื่นในหลักสูตร (Course-Integrated Instruction) เป็นการสอนที่พัฒนาขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง โดยจัดทำหลักสูตรตั้งแต่การกำหนดวัตถุประสงค์ และรูปแบบสอนจะต้องสอดคล้องกับกิจกรรมการสอนในรายวิชา


4. โปรแกรมสอนห้องสมุด (One short Instruction) จัดสอน อบรม ปฏิบัติกรโดยห้องสมุด


5. บทเรียนออนไลน์ (Online Tutorials) เป็นการสอนผ่านเว็บไซต์มีการใช้สื่อประสม และเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตช่วยในการพัฒนาบทเรียนให้สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง


6.สมุดฝึกหัด (Workbook)  ประกอบด้วยเนื้อหาบทเรียนกระทัดรัด และเน้นการทำแบบฝึกหัดเพื่อฝึกทักษะการรู้สารสนเทศ


มาตราฐาน 
    สมาคมห้องสมุดได้จัดทำมาตราฐานการรู้สารสนเทศสำหรับนักเรียนในปี 1998 และในปี 2000 ได้จัดทำมาตราฐานการรู้สารสนเทศสำหรับนักศึกษาในระดับอุดมศึกษา 

ทักษะ
1. การสอน
2. การประเมิน
3. IT Webdesign
4. ทักษะการสื่อสาร

การบริหารจัดการ
      การวางแผนการเตรียมการสอนการใช้ห้องสมุด ประกอบด้วยขั้นตอนต่างๆ ดังนี้
1. การประเมินความต้องการของผู้ใช้
2. กำหนกเป้าหมายและวัตถุประสงค์
3. การประชาสัมพันธ์โปรแกรมการสอน
4. เตรียมอุปกรณ์การสอน
5. เตรียมบุคคลากร
6. เตรียมสถานที่
7. ปฏิบัติตามแผนงาน

บริการสอนการใช้

     
    บริการสอนการใช้ เป็นประเภทหนึ่งของงานบริการอ้างอิงและสารสนเทศ เป็นการสอนผู้ใช้ในการค้นคว้าและการใช้เครื่องมือได้อย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็น บัตรรายการ หนังสืออ้างอิง การสืบค้นออนไลน์ การบริการสอนการใช้จะมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ใช้มีการรู้สารสนเทศ( Information literacy skills ) ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงสารสนเทศได้ด้วยตนเอง เป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการช่วยค้นหาสารสนเทศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเรียนรู้วิธีค้นหาสารสนเทศด้วยตนเองต่อไปในอนาคตด้วย

  พัฒนาทางเทคโนโลยีสารสนเทศ 
         การเพิ่มขึ้นของสารสนเทศเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญ ที่เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคมอย่างกว้างขวาง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้สารสนเทศ และ การแสวงหาสารสนเทศ ทำให้บุคคลต้องเผชิญกับทางเลือกสารสนเทศที่หลากหลาย จึงมีความจำเป็นที่ต้องรู้เกี่ยวกับการประเมิน การเลือก การสังเคราะห์ ข้อมูลข่าวสาร และการเพิ่มทักษะใหม่ๆในการสืบค้นสารสนเทศ

  ความสำคัญ การรู้สารสนเทศ 
          เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาความรู้ความสามารถของมนุษย์ ให้มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์อย่างมีระบบ มีวิจารณญาณและความสามารถในการสร้างองค์ความรู้ใหม่ นำไปสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิตและการนำความรู้เหล่านั้นไปพัฒนาสังคมและประเทศชาติให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ด้วย นอกจากนั้นยังรวมไปถึง การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้ได้รับการศึกษาที่สูงขึ้น ฝึกทักษะกระบวนการคิด วิเคราะห์ การแสดงความคิดเห็น และการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง

   Literacy การรู้สารสนเทศ
            ในปัจจุบันไก้ให้ความหมายไว้ว่า ความสามารถในการคิดวิเคาระห์อย่างมีวิจารณญาณ ตระหนักในสารสนเทศ ความสามารถแปลความหมาย ตีความ และนำสารสนเทศมาใช้ได้อย่างเหมาะสม และผู้รู้สารสนเทศ (Information literacy) คือ ผู้ที่สามารถรู้ว่าเมื่อใดสารสนเทศเป็นสิ่งจำเป็น สามารถระบุแหล่งสืบค้น ค้นหาข้อมูล ประเมิน และใช้สารสนเทศนั้นๆได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล การรู้สารสนเทศได้เพิ่มทักษะการรู้คอมพิวเตอร์ ( Computer literacy) ซึ่งหมายถึง ซึ่งหมายถึงการที่บุคคลมีความรู้ความเข้าใจ ในการประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ให้เกิดประโยชน์กับงานของตน 

   ทักษะ 3 ประการในแผนพัฒนาทุนมนุษย์ ตามกำหนดของ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ คือ
1. ทักษะในการใช้เทคโนโยลีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT literacy)
2. ทักษะการรู้สารสนเทศ (Information Literacy)
3. การรู้เท่าทันสื่อ (Media Literacy)

    ผู้รู้สารสนเทศ คือ  ผู้ที่มีทักษะในด้านสารสนเทศ ดังนี้
1. มีความตระหนักวาสารสนเทศมีประโยชน์และจะช่วยให้สามารถทำงานได้ดีขึ้น
2. รู้ว่าจะค้นสารสนเทศได้จากที่ใด และจะสืบค้นอย่างไร
3. สามารถประเมินสารสนเทศและแหล่งสารสนเทศได้อย่างมีวิจารณญาณ
4. มีความสามารถในการคิด วิเคราะห์สารสนเทศ
5. สามารถใช้สื่อสารสนเทศให้บรรลุตามวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพ
6. มีทักษะอื่นๆ เช่น ทักษะคอมพิวเตอร์ การรู้เทคโนโลยีและการสื่อสาร

    ความรู้ยุคดิจิทัลประกอบด้วยทักษะ ดังนี้
1. Basic literacy มีความรู้ ทักษะด้านภาษา การฟัง พูด อ่าน และ การเขียน
2. Visual literacy มีความรู้เรื่องสื่อ ภาพ และเสียง 
3. Media literacy เข้าใจรูปแบบการนำเสนอสื่อ การวิเคราะห์
4. Digital literacy มีความรู้เรื่องการใช้คอมพิวเตอร์ ใช้เครือข่ายและสามารถประยุกต์การใช้งาน
5. Network literacy
6. Cultural literacy มีความรู้ความเข้าใจถึงความหลากหลายทางวัฒธรรม

    ห้องสมุดและการส่งเสริมการรู้สารสนเทศ
            ห้องสมุดจะมีบริการสอนการใช้ (Instruction Services) คือบริการที่ต้องการให้ผู้ใช้รู้จักวิธีการค้นคว้า คือ แนะนำการใช้ห้องสมุด และทรัพยากรสารสนเทศ 

    ลักษณะการบริการสอนการใช้ มี 2 ลักษณะ คือ
1. บริการเฉพาะบุคคล ( One-to-one Instruction) 
             บรรณารักษ์อ้างอิงจะจัดการบริการสอน/แนะนำผู้ใช้เกี่ยวกับ หลักการค้นสารสนเทศ การใช้เครื่องมือค้นทรัพยากรสารสนเทศ และสารสนเทศที่ห้องสมุดจัดบริการ เช่น การค้นจากหัวเรื่อง การกำหนดคำสำคัญ การใช้ตัวดำเนินการและการค้นฐานข้อมูลเฉพาะรายชื่อ เป็นต้น

2.บริการเป็นกลุ่ม (Group Instruction) 
             เป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับระบบการจัดการในห้องสมุด แผนกต่างๆในห้องสมุด ทรัพยากรที่ห้องสมุดบริการให้แก่ผู้ใช้  อาจมีทั้งการจัดทำคู่มือทั้งแบบสิ่งพิมพ์และอินเตอร์เน็ต และการแนะนำโดยบรรณารักษณ์ ลักษณะการให้บริการเป็นกลุ่ม ดังนี้
2.1 นำชมห้องสมุด  เป็นการแนะนำเกี่ยวกับลักษณะทางกายภาพของห้องสมุด แผนกบริการ การบริการพิเศษ เช่น การสืบค้นด้วยคอมพิวเตอร์ รวมถึงการอธิบายระบบห้องสมุดและแนวทางในการค้นคว้าในห้องสมุด
2.2 บริการสอนการใช้เครื่องมือการค้น เพื่อให้ผู้ใช้สามารถค้นคว้า ใช้คู่มือและทรัพยากรสารสนเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.3 บริการสอนการค้นคว้า  เพื่อช่วยให้ผู้ใช้มีทักษะการรู้สารสนเทศ (Information Literacy)  มีทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต
            



          


วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

บริการนำส่งเอกสาร

บริการนำส่งเอกสาร (Document Delivery services)
คือ การจัดหาเอกสารที่ผู้ใช้ต้องการทั้งเอกสารที่พิมพ์เผยแพร่และยังไม่ได้เผยแพร่ จัดส่งในรูปแบบกระดาษ หรือ วัสดุย่อส่วน หรือ เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ มีการคิดค่าบริการสำหรับผู้ใช้ บริการนี้เกี่ยวกับลิขสิทธิ์ที่ผู้ใช้บริการต้องขออนุญาตและเสียค่าลิขสิทธิ์ให้ถูกต้องตามกฏหมายก่อนทำสำเนา

บริการเสริม ILL เครือข่าย นอกเหนือเครือข่ายที่ไม่มีบริการ เช่น
 - หนังสือ บทในหนังสือ บทความวารสาร รายงานการประชุม รายงานการวิจัย สื่อโสต สื่ออิเล็กทรอนิกส์
 - การติดต่อกับตัวแทนจำหน่าย
 - การจัดการให้ผู้ใช้ได้เอกสารผ่านฐานข้อมูล
 - ผู้จำหน่ายบทความ เช่น Ingenta, springerlink  เป็นต้น

ปรัชญาและวัตถุประสงค์การบริการ
ปรัชญา : ไม่มีห้องสมุดใดที่สามารถมีทรัพยากรสารสนเทศครบตามที่ผู้ใช้ต้องการ เน้น สนองความต้องการผู้ใช้ แก้ปัญหาการบริการ และเพิ่มศักยภาพในการบริการ
วัตถุประสงค์ : Just in time ทันกาล

วิธีการนำส่ง
วิธีเดิม         นำส่งทางไปรษณีย์ โทรสาร ยานพาหนะ
วิธีปัจจุบัน   บริการจัดส่งสารสนเทศทางอิเล็กทรอนิกส์ สแกนส่ง แนบไฟล์ ทางอีเมลล์

ผู้ให้บริการ
1. สถาบันบริการสารสนเทศ จัดส่งในสถาบันและระหว่างสถาบัน ทางอีเมลล์ ทางระบบออนไลน์ และ ยานพาหนะ
2. ตัวแทนจัดหาและจัดส่งเอกสาร เช่น Ingenta, Springerlink เป็นต้น

การดำเนินการ
แบบฟอร์ม DD กระดาษ ระบบอัตโนมัติ หรือ สมัครสมาชิกทางบริการออนไลน์

ข้อคำนึงในการให้บริการนำส่งเอกสาร
1. ลิขสิทธิ์
2. ค่าใช้จ่ายในการนำส่งเอกสาร ค่าสำเนา ค่าส่ง บุคลากร ค่าลิขสิทธิ์ ค่าตอบแทน ค่าตรวจสอบแหล่งสารสนเทศ ค่าบอกรับ ผู้ใช้จะต้องรับผิดชอบ
3. การเข้าถึงและกรรมสิทธิ์
4. ความสามารถในการเข้าถึงต่างระบบ

การดำเนินการเมื่อได้รับเอกสาร
- แจ้งผู้ขอทันที 
- จัดการให้มีการส่งคืนตามกำหนด
- บทความที่ให้บริการเป็นของผู้ขอใช้ 

วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การดำเนินงานบริการระหว่างห้องสมุดและลิขสิทธิ์

         
        การดำเนินงานบริการระหว่างห้องสมุด มีคณะกรรมการควบคุมการดำเนินงาน ปรับปรุง พัฒนา ซึ่งห้องสมุดที่ให้บริการเป็นผู้กำหนดนโยบายพิเศษ วิธีการยืมระหว่างห้องสมุด ดังนี้
 1. จัดทำคู่มือ
 2. กำหนกมาตราฐานร่วมกัน
 3. กำหนดรูปแบบการดำเนินงานการประสานงาน
* Union Catalog มีคณะทำงานฝ่ายบริการสารนิเทศ ห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษา

กำหนดรายละเอียดระบบการยืมระหว่างห้องสมุด
  คณะทำงานร่วมกันพิจารณาเกี่ยวกับวิธีการและขั้นตอนของการยืมระหว่างห้องสมุดที่ดำเนินการกันในปัจจุบัน

การสำรวจการให้บริการยืมฉบับจริงทางไปรษณีย์
     คณะทำงานต้องทำการสำรวจว่า สถาบันใดอนุญาตให้ยืมฉบับจริงได้ ประเภทใด จำนวนเท่าใด เพื่อป้องกันเรื่องลิขสิทธิ์ และเป็นคู่มือการบริการทางไปรษณีย์ระหว่างห้องสมุด

การปรับปรุงรายชื่อคณะทำงาน E-mail และ MSN
      เพื่อใช้ในการติดต่อระหว่างห้องสมุดที่ทันสมัย ได้อย่างสมบูรณ์

การพัฒนางานเพื่อความร่วมมือระหว่างห้องสมุด
1. พัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ของคณะทำงานฝ่ายบริการสารนิเทศ  โดยการแต่งตั้งกรรมการจัดการ
2. ปรับปรุงรายชื่อคณะทำงานฝ่ายบริการสารนิเทศ ใน Mailing List
3. รวบรวม/ปรับปรุง และพัฒนาคู่มือต่างๆ ร่วมกันเพื่อความทันสมัย และนำข้อมูลขึ้นไว้บนเว็บไซต์ของคณะทำงานเพื่อการใช้ประโยชน์ร่วมกัน และเพื่อการประชาสัมพันธ์ ให้แก่ผู้ใช้

คู่มือต่างๆที่นำขึ้นไว้บนเว็บไซต์ของคณะทำงาน
1. ข้อตกลงว่าด้วยการบริการระหว่างห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.2550
2. คู่มือการบริการระหว่างห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษา เล่ม 1
3. คู่มือการบริการระหว่างห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษา เล่ม 2
4. รายชื่อฐานข้อมูลของห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษา (ฐานข้อมูล DDAL)
5. รายชื่อคณะทำงานฝ่ายบริการสารนิเทศและบรรณารักษ์บริการระหว่างห้องสมุด (เฉพาะห้องสมุดกลาง)

การพัฒนางานเพื่อความร่วมมือระหว่างห้องสมุด
1. คู่มืออัตราการให้บริการของห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษา
2. รายชื่อคณะทำงานและ MSN
3. ลายมือชื่อบรรณารักษ์บริการระหว่างห้องสมุด ในรูปแบบ Acrobat 6 (PDF) เพื่อใช้ตรวจสอบในการบริการระหว่างห้องสมุด
4. คู่มือการโอนเงินค่าบริการระหว่างห้องสมุดผ่านธนาคาร
5. แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้ความร่วมมือในการตอบคำถามกับห้องสมุด
6. พิจารณาหาวิธีแก้ปัญหาการติดต่อยืมระหว่างห้องสมุดกับห้องสมุด
7. พัฒนาวิธีการขอรับบริการยืมฉบับจริงระหว่างห้องสมุดของกลุ่ม ThaiLIS

การดำเนินงานบริการยืมระหว่างห้องสมุด
1. การดำเนินงานด้วยระบบมือ ( Non-automated ILL)
         การติดต่อทางไปรษณีย์ อีเมลล์ และโทรศัพท์ ข้อเสียก่อให้เกิดความยุ่งยากในการยืม เนื่องจากต้องผ่านขั้นตอนหลายขั้นตอน ดังนี้
          1. ควรกำหนดมาตราฐานการปฏิบัติงานให้เป็นมาตราฐานเดียวกัน
          2. ใช้แบบฟอร์มเดียวกัน จะช่วยให้สถาบันผู้ให้ยืมปฏิบัติงานได้เร็วขึ้น
2. การดำเนินงานในระบบอัตโนมัติ (Automated ILL)
         เป็นการดำเนินการภายในสถาบัน หรือเฉพาะเครือข่าย มีข้อดี ดังนี้
          1. แก้ปัญหาในการเข้าถึงสารสนเทศได้มากขึ้น
          2. ผู้ใช้สามารถค้นออนไลน์ผ่านระบบเครือข่าย ไปยังฐานข้อมูล หรือหน่วยงานบริการสารสนเทศ ทั้งในระดับท้องถิ่นไปจนถึงนานาชาติ
          3. ยืมระหว่างห้องสมุดผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

การคิดค่าบริการ
      โดยปกติจะมีการคิดค่าบริการสำหรับบริการพิเศษบางอย่างอยู่แล้ว เช่น ค่าใช้บริการค้นข้อมูลออนไลน์ ค่าค้นฐานข้อมูล ค่าไปรษณีย์ ค่าถ่ายเอกสาร ค่าประกันความเสียหาย ซึ่งหากเกิดกรณีสูญหายขึ้น สถาบันควรชดใช้ให้ การคิดค่าบริการจะคิดตาม ประกาศของทบวงมหาวิทยาลัย เรื่อง ข้อตกลงว่าด้วยการบริการระหว่างห้องสมุด สถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.2544

การจัดส่งเอกสาร
      สามารถจัดส่งได้ทั้งทางไปรษณีย์ บริการส่งพัสดุ บริการรับส่งเอกสาร จัดส่งทางโทรสาร หรือส่งทางอิเล็กทรอนิกส์ แต่ต้องคำนึงถึงจริยธรรมและความถูกต้องทางกฏหมายด้วย
      ข้อควรคำนึงในการจัดส่งเอกสาร ต้องดูแลรักษาสภาพวัสดุที่ยืมให้ดี โดยเฉพาะการหีบ ห่อ และการเลือกบริการผุ้ส่ง
      การดำเนินการเมื่อได้รับเอกสาร บทความที่ให้บริการเป็นของผู้ขอใช้ ต้องแจ้งผู้ขอทันที และ จัดการให้มีการส่งคืนตามกำหนด

วัสดุที่ควรเพิ่มในการให้บริการ
    เช่น วัสดุอ้างอิง, หนังสือหายาก, วารสารปัจจุบัน, จดหมายเหตุแบบ Microfilm

ข้อคำนึงด้านจริยธรรมและกฏหมาย
  - SW อนุญาตให้บล็อกวารสารและหนังสือที่ต้องการได้
  - ควรขออนุญาตเจ้าของผลงานก่อน เพื่อเป็นการให้เกียรติและป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์

การใช้ที่เป็นธรรม ( Fair Use)
   คือ การอนุญาตให้กระทำการคัดลอกได้โดยมีขอบเขตจำกัด โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้
1. เพื่อวิจัยหรือศึกษา
2. ใช้เพื่อประโยชน์ของตนเอง หรือ บุคคลในครอบครัว ญาติมิตร
3. ติชม วิจารณ์ หรือแนะนำผลงาน โดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนนั้น
4. เสนอรายงานข่าวทางสื่อมวลชนโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนนั้น
5. ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง หรือทำให้ปรากฏ เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาของศาลหรือพนักงานเจ้าหน้าที่
6. ทำซ้ำโดยผู้สอนเพื่อประโยชน์ในการเรียนการสอนของตน
7. ทำซ้ำเพื่อการศึกษา
8. นำงานนั้นมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการถามและตอบในการสอบ

การพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์และผลกระทบต่อห้องสมุด
   สำนักพิมพ์เลือกที่จะผลิตวารสารวิชาการในรูปอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้นมากขึ้น ดังนั้นจึงมีการควบซื้อกิจการทำให้สิ่งพิมพ์ราคาสูงขึ้น และขาดความมั่นคงในสิทธิการเข้าใช้หากจะทำการย้ายสำนักพิมพ์


การพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์และผลกระทบต่อผู้ใช้
   การลดจำนวนบอกรับวารสารวิชาการมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อนักวิจัย นักศึกษา รวมไปถึงบุคคลทั่วไป และหากมีการใช้ e-Book ก็เกิดปัญหา การไม่สามารถเข้าใช้ได้ตลอดไปและต้องบอกรับเป็นPackage และจำกัดการเข้าใช้สำหรับเล่มที่ได้รับความนิยม